วันอังคารที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2557

เพลง รักออกฤทธิ์ โย่งอาร์มแชร์




ที่เรามาเจอกันทุกวัน
มันเป็นความบังเอิญใช่ไหม
หรือฟ้าจงใจให้ผูกพัน
ให้เรานั้นมีกันตลอดไป

เหตุผลคืออะไรมันคงไม่สำคัญ
เท่าฉันรู้สึกดีเวลาอยู่กับเธอ
แค่เธอเท่านั้น ที่ทำให้เป็นแบบนี้

อาจเป็นเพราะพรหมลิขิต รักมันเลยปิด
ออกฤทธิ์ภายในใจเราทุกวัน
ฉันไม่เคยพบเจอใครแล้วใจสั่น แบบนี้เลย
อาจเป็นเพราะโชคชะตา
ฟ้าช่วยดลใจ ให้เรารู้สึก เหมือนคุ้นเคย
ทั้งที่ไม่เคยพบมาก่อน สักนิดเลย
แบบนี้คงต้องรักใช่หรือเปล่า

ที่มีอะไรที่คล้ายกัน
ไม่ใช่ความบังเอิญใช่ไหม
ถึงได้ลงตัวทุกอย่างไป
ไม่มีใครโดนใจเท่ากับเธอ

เหตุผลคืออะไรมันคงไม่สำคัญ
เท่าฉันรู้สึกดีเวลาอยู่กับเธอ
แค่เธอเท่านั้น ที่ทำให้เป็นแบบนี้

อาจเป็นเพราะพรหมลิขิต รักมันเลยปิด
ออกฤทธิ์ภายในใจเราทุกวัน
ฉันไม่เคยพบเจอใครแล้วใจสั่น แบบนี้เลย
อาจเป็นเพราะโชคชะตา
ฟ้าช่วยดลใจ ให้เรารู้สึก เหมือนคุ้นเคย
ทั้งที่ไม่เคยพบมาก่อน สักนิดเลย
แบบนี้คงต้องรักใช่หรือเปล่า

อาจเป็นเพราะพรหมลิขิต รักมันเลยปิด
ออกฤทธิ์ภายในใจเราทุกวัน
ฉันไม่เคยพบเจอใครแล้วใจสั่น แบบนี้เลย
อาจเป็นเพราะโชคชะตา
ฟ้าช่วยดลใจ ให้เรารู้สึก เหมือนคุ้นเคย
ทั้งที่ไม่เคยพบมาก่อน สักนิดเลย
แบบนี้คงต้องรักใช่หรือเปล่า



เพลง แอบเหงา เสนาหอย





ทำตัวตามสบาย เหมือนเช่นทุกที
ไม่มีทุกข์ร้อน..อะไร
พอดนตรีบรรเลงเพลงที่คุ้นเคย
เราเองก็ยังร้อง..ไป
ถึงคล้ายๆไม่เป็นไรสักหน่อย
เเต่พอมองดูคนที่เขามีใคร
เเม้ว่าผู้คน จะรายล้อมอยู่ยังเผลอเหงาในใจ

เมื่อไหร่จะมีใครใครสักคนที่เป็นของเรา
เมื่อไหร่จะมีใคร ใครสักคนนะที่รักเรา
เท่านี้..ที่ต้องการ ขอเกินไปตรงไหน
เมื่อไหร่จะมีใคร ใครสักคนที่เคียงข้างเรา
เเค่อยากจะมี คนที่ทำให้ใจไม่ต้องเหงา..
ไม่รู้..ต้องเมื่อไหร่ เหมือนมันยังห่างไกล..

นาฬิกาเวลาเพิ่งจะเที่ยงคืน 
ผู้คนก็มากมาย
พอดนตรีบรรเลงเพลงให้เต้นกัน 
ใครๆเขาก็เต้นไป
ยิ้มเเละทักทายกับคน รู้จัก
เเต่คงไม่มีใครลึกซึ้งใจเรา
ทั้งที่ผู้คนก็รายล้อมอยู่ ยังเผลอนึกเบาๆ 

เมื่อไหร่จะมีใครใครสักคนที่เป็นของเรา
เมื่อไหร่จะมีใคร ใครสักคนนะที่รักเรา
เท่านี้..ที่ต้องการ ขอเกินไปตรงไหน
เมื่อไหร่จะมีใคร ใครสักคนที่เคียงข้างเรา
เเค่อยากจะมี คนที่ทำให้ใจไม่ต้องเหงา..
ไม่รู้..ต้องเมื่อไหร่ เหมือนมันยังห่างไกล..

เมื่อไหร่จะมีใครใครสักคนที่เป็นของเรา
เมื่อไหร่จะมีใคร ใครสักคนนะที่รักเรา
เท่านี้..ที่ต้องการ ขอเกินไปตรงไหน
เมื่อไหร่จะมีใคร ใครสักคนที่เคียงข้างเรา
เเค่อยากจะมี คนที่ทำให้ใจไม่ต้องเหงา..
ไม่รู้..ต้องเมื่อไหร่ เหมือนมันยังห่างไกล..

ไม่รู้..ต้องเมื่อไหร่ เหมือนมันยังห่างไกล..


เพลง คนไม่มีสิทธิ์ ไมโคร




อยู่อย่างคนไม่มีสิทธิ์ ก็ผิดตั้งแต่วันที่เราเกิด

เจ็บอย่างไรก็ทนไปเถิด จะเกิดอะไรก็ต้องทน (จะเจ็บอย่างไรก็จะทน)

หากว่าเธอสิ้นเยื่อใย ประโยชน์อะไรที่จะบ่น
อยู่อย่างดินต้องเจียมตน จะอดจะทนเพราะเข้าใจ

เมื่อเธอไม่รักก็ช่างเถิด มันถูกอยู่แล้วที่เธอไป
หากเป็นเราไม่ถูกใจใคร ก็คงจะทำไปอย่างนั้นเหมือนกัน

คนอย่างเราต้องยอมอดทน ได้เกิดเป็นคนก็บุญนักหนา
เธอไม่แลก็แล้วแต่ฟ้า สั่งลงมาให้เสียเธอไป
คนอย่างเราไม่มีอุทธรณ์ จะเจ็บจะร้อนต้องเก็บเอาไว้
คนจะไปก็คือต้องไป ดีแค่ไหนที่เธอเคยมอง
(คนอย่างเราไม่มีอะไร ไม่มีสิทธิ์มีเสียง ได้เพียงแค่มอง)

เมื่อเธอไม่รักก็ช่างเถิด มันถูกอยู่แล้วที่เธอไป
หากเป็นเราไม่ถูกใจใคร ก็คงจะทำไปอย่างนั้นเหมือนกัน

คนอย่างเราต้องยอมอดทน ได้เกิดเป็นคนก็บุญนักหนา
เธอไม่แลก็แล้วแต่ฟ้า สั่งลงมาให้เสียเธอไป
คนอย่างเราไม่มีอุทธรณ์ จะเจ็บจะร้อนต้องเก็บเอาไว้
คนจะไปก็คือต้องไป ดีแค่ไหนที่เธอเคยมอง
(คนอย่างเราไม่มีอะไร ไม่มีสิทธิ์มีเสียง ได้เพียงแค่มอง)

อยู่อย่างคนไม่มีสิทธิ์

เพลง รักปอนๆ ไมโคร




ตัวฉันคนอย่างตัวฉันใครจะมาสนใจ
คนสวยคนที่ดีพร้อมเขาก็มองข้ามไป
เพราะฉันมันเป็นคนแบบปอนปอนทั่วไป
ไม่เห็นจะมีดีที่ใดปล่อยชีวิตไปวันวัน
ได้แต่ฝันจะมีใครอยู่ข้างเคียง
ยามเหงาได้แต่ทนเอาเราเกิดเป็นผู้ชาย
เจียมไว้ได้แต่เจียมหัวใจได้แต่คอยซักวัน
และแล้วมาเจอคนแบบปอนปอนเหมือนกัน
ตัวฉันจึงมีคนรู้ใจไปไหนก็ไปกันต่างก็รู้ในใจกัน
เรามั่นใจ..เราจะฝ่าฟันเรารู้เรา
มีกันและกันเราจะแบ่งปันจะบวกใจ
ให้เป็นหนึ่งเดียว..บางครั้งถ้าหากเจอฝน
เราจะทนด้วยกันเราหนาวเราเปียกปอนเท่าใด
เดินต่อไปไม่หวั่นเพราะรู้ว่าเราเป็น
แบบปอนปอนเหมือนกันมีร่มเพียงคันเดียวก็พอ
เท่านั้นก็พอใจหากลมฝนจะแรงไปเราไม่กลัว

(Solo....)
และแล้วมาเจอคนแบบปอนปอนเหมือนกัน
ตัวฉันจึงมีคนรู้ใจไปไหนก็ไปกัน
ต่างก็รู้ในใจกันเรามั่นใจไปไหนก็ไปกัน
ต่างก็รู้ในใจกันอย่างนี้บางครั้งถ้าหากเจอฝน
เราจะทนด้วยกันเราหนาวเราเปียกปอนเท่าใด
เดินต่อไปไม่หวั่นบางครั้งถ้าหากเจอฝน
เราจะทนด้วยกันเราหนาวเราเปียกปอนเท่าใด
เดินต่อไปไม่หวั่น

เพลง เธอไม่ต้อง โป๊ป ธนวรรธน์




รู้ดีว่าไม่ควรรักเธอ
รู้ตัวแต่ห้ามใจไม่ไหว
ไม่เข้าใจจริงจริงหรือใกล้กันเกินไป
จึงทำให้ฉันตกหลุมรักเธอ

ขอมองอยู่ไกลไกลก็พอ
ขอมองจากที่ตรงมุมนี้
แค่ได้มาดูแลใกล้กันเป็นบางที
ก็ทำให้ใจมันมีความสุขมากพอ

เธอไม่ต้องรักหรือมีฉันอยู่ในสายตา
เธอไม่ต้องมองลงมาเวลาที่เจอฉัน
แค่ให้ฉันรักเธอแค่ฝ่ายเดียว ไม่จำเป็นต้องคิดถึงกัน
แค่เพียงเท่านั้นก็พอแล้วเธอ

เพื่อเธอทำให้ได้ทุกอย่าง
เพื่อเธอได้แค่มองก็รัก
เพราะฉันเข้าใจดีถึงในความแตกต่าง
ไม่อยากจะทำให้เธอลำบากหัวใจ

เธอไม่ต้องรักหรือมีฉันอยู่ในสายตา
เธอไม่ต้องมองลงมาเวลาที่เจอฉัน
แค่ให้ฉันรักเธอแค่ฝ่ายเดียว ไม่จำเป็นต้องคิดถึงกัน
แค่เพียงเท่านั้นก็พอแล้วเธอ

เธอไม่ต้องรักหรือมีฉันอยู่ในสายตา
เธอไม่ต้องมองลงมาเวลาที่เจอฉัน
แค่ให้ฉันรักเธอแค่ฝ่ายเดียว ไม่จำเป็นต้องคิดถึงกัน
แค่เพียงเท่านั้นก็พอแล้วเธอ
.

วันพฤหัสบดีที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2557

ประวัติความเป็นมาของการแสดงพื้นบ้าน"ฉ่อย"

"เพลงฉ่อย"

เพลงฉ่อย 


เป็นเพลงพื้นเมืองที่ไม่ทราบถิ่นกำเนิด เป็นการละเล่นเพลงพื้นเมืองที่แพร่หลายมากที่สุดเพลงหนึ่ง มีคนร้องเล่นกันอย่างกว้างขวาง ไม่มีเครื่องดนตรีประกอบการร้องนั้น มีแต่การปรบมือเป็นการให้ประกอบจังหวะอย่างเดียว แต่ส่วนภายหลังเขาเอา "กรับ" มาตีด้วย การแต่งตัวนั้น ชายหญิงนุ่งผ้าโจงกระเบน ใส่เสื้อคอไทย คอกลมกระดุม 3 เม็ด มีผ้าขาวม้าเคียนพุง ส่วนหญิงใส่เสื้อสบาย ๆ แต่มีสไบเฉียง ทุกครั้งและขาดมิได้ เวลาเขียนคิ้วใช้ผงถ่านกากมะพร้าว

ประวัติความเป็นมาเพลงฉ่อย 

มีชื่อเรียกอีกชื่อว่า เพลงไอ้เป๋ เนื่องจากพ่อเพลงฉ่อย ยุคแรกชื่อ ตาเป๋ มี ยายมา เป็นภรรยา เริ่มแรกเพลงฉ่อย หรือ เพลงเป๋ เป็นที่นิยมในแถบ จังหวัดฉะเชิงเทรา และ จังหวัดใกล้เคียง ประมาณก่อนยุค พ.ศ. 2437 เป็นต้นมา ส่วนครูเพลงฉ่อย ยุคแรกเริ่มก็มี ครูเปลี่ยน - ครูเป๋ - ครูฉิม - ครูศรี - ครูบุญมา - ครูบุญมี ครูเพลงเหล่านี้มีแค่ชื่อ และ ตำนานส่วนประวัติไม่มีเลย เพลงฉ่อย นี้ปรับปรุงและดัดแปลงมาจาก เพลงโคราช - เพลงเรือ และเพลงปรบไก่ เป็นต้น ก็สาเหตุเนื่องจาก เวลาปรบมือเป็นจังหวะเพลงปรบไก่ ร้องบทไหว้ครูและเกริ่นอย่างเพลงโคราช ใช้กลอนก็ใช้คล้ายกับเพลงเรือ แต่อย่างไรเพลงฉ่อย ก็น่าจะอยู่ในยุคต้นสมัยรัชกาลที่ 5


เอกลักษณ์เพลงฉ่อย  

ทางจังหวัดอุทัยธานี - จังหวัดนครสวรรค์ รับเพลงว่า เอ่ชา เอชา เอ๊ชา ฉ่าชาเอย

ส่วนทาง จังหวัดอยุธยา - จังหวัดอ่างทอง - จังหวัดสุพรรณบุรี รับเพลงว่า เอ่ชา ชา ชาฉ่าชาเอย

ส่วนทางใต้ กรุงเทพมหานคร - จังหวัดราชบุรี รับเพลงว่า เอ่ชา เอชา ชาชาฉ่าชา หนอยแม๋


  ปัจจุบันเพลงฉ่อย เป็นเพลงพื้นบ้านของไทยที่มีมาแต่โบราณ ซึ่งวัยรุ่นไทยในปัจจุบันได้หลงลืมของไทยๆกันไปหมดแล้ว มัวแต่ไปหลงของฝรั่งไปฟังเพลงเกาหลี แต่ก็ไม่ได้ว่าทำแบบนี้มันจะผิดที่ไม่หันมาฟังเพลงไทย เพราะบางคนอาจจะคิดว่า "เพลงไทยฟังแล้วจะหลับ" "เพลงไทยไม่สนุกเท่าเพลงเกาหลี" จนทำให้เราหลงลืมกับสิ่งเหล่านี้ไป จริงๆแล้วเพลงไทยพื้นบ้านไม่น่าเบื่ออย่างที่คิด ถ้าเราตั้งใจฟังดีๆเราก็จะรู้ได้ว่าในตัวของบทเพลงก็จะมีเสน่ห์ที่น่าฟังน่าหลงไหลอยู่แล้ว รวมถึงเนื้อหาของเพลงด้วยก็ยิ่งน่าฟังขึ้นไปอีก ในปัจจุบันนี้ก็ต้องขอขอบคุณ "รายการ คุณพระช่วย" ที่นำสิ่งดีๆมาให้วัยรุ่นไทยยุคใหม่หันมาชมมาฟังเพลงไทยกันมากขึ้นกับช่วง "จำอวดหน้าม่าน" และด้วยการขับร้องของทั้งสามน้า "น้าโย่ง เชิญยิ้ม" "น้าพวง เชิญยิ้ม" และ "น้านง เชิญยิ้ม"
ที่นำเสนอการร้องเลพงฉ่อยในสไตล์บ้านๆปนความตลก จนทำให้ผู้ชมที่ชมไม่ว่าจะเป็นเด็กเล็ก เด็กโต หนุ่มสาว ผู้สูงอายุ ต่างพากันชื่นชอบและติดอกติดใจการแสดงของทั้งสามน้า ไม่ใช่เพียงแค่ฉ่อยเพื่อความสนุกสนานเพียงอย่างเดียวแต่ในเนื้อหาของเพลงฉ่อยในแต่ละครั้งก็มีการบอกถึงแง่คิดในแต่ละเรื่อง เพื่อให้ผู้ชมนั้นได้คิดตามไปด้วย
สุดท้ายนี้ก็อยากจะฝากกับทุกๆคนให้อนุรักษ์เพลงไทยพื้นบ้าน ของไทยๆที่มีอยู่คู่คนไทยมาช้านานเอาไว้ให้ลูกหลานของเราได้ชมได้ฟังกันต่อไป รับวัฒนธรรมของต่างประเทศแต่พองามอย่ารับมาจนไม่หลงเหลือความเป็นไทยอยู่เลย

ตัวอย่างเพลงฉ่อย ตอน อาหารตามสั่ง
ตัวอย่างเพลงฉ่อย ตอน ยิ่งแก่ยิ่งกวน


ประโยชน์ของการแสดงพื้นบ้าน"เพลงฉ่อย"นั้น นอกจากจะร่วมสืบสานวัฒนธรรมความเป็นไทยแล้ว
ยังสร้างเสียงหัวเราะ กระตุกต่อมฮาได้อีกด้วย